First Impression

First Impression

คนโบราณชอบพูดคำว่า "ถูกชะตา" ประมาณว่าแค่ได้เห็นหน้าก็รู้สึกสนิทสนมชอบพอ สมัยนี้มีคำว่า First Impression หรือ "ความรู้สึกประทับใจเมื่อแรกพบ" เป็นคำเดียวกัน และมีความหมายที่อธิบายได้ไม่แตกต่างกันใครๆ ก็ต้องการเช่นนี้ไม่ใช่หรือคะ เมื่อต้องไปเจอใครก็อยากให้เขาชอบเรา และหากชอบเสียตั้งแต่แรกก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสานความประทับใจนั้นให้ยืนยาวและ
แน่นแฟ้นต่อไป มีความหมายต่อการดำรงชีพ อาชีพ และการได้พบกับมิตรแท้ในชีวิตเราจะสร้างความน่าประทับใจในยามแรกพบ (กับผู้อื่น หรือผู้อื่นมาพบ) ได้อย่างไร? ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำง่ายๆ ค่ะ

สร้างความประทับใจผ่านการสื่อสาร
คือการใช้คำพูด อากัปกิริยา สีหน้า และท่าทีที่ดีต่อคนอื่น เพื่อการสื่อสารที่ดี มีความหมาย ให้เกียรติ และมีเสน่ห์โดยการ ใช้
น้ำเสียงที่เหมาะสม ถูกจังหวะ เวลา รู้ว่ากำลังพูดเพื่ออะไร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเพื่อสร้างสัมพันธ์
ความสำคัญของการพูดจาให้เกิด First Impression อยู่ที่ประโยคแรกคือ การทักทาย หรือประโยคเปิดบทสนทนา เช่น "สวัสดีครับ" ในน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง ก็ทำให้ผู้ที่ได้รับฟังแล้วรู้สึกดี หรือ "ขอโทษครับที่ต้องรบกวน..." ซึ่งผู้ฟังจะรู้สึกได้ถึงการเข้าหาอย่างอ่อนน้อม และความมีมารยาทของผู้พูด หากประกอบไปกับสีหน้าที่เป็นมิตร เปิดเผย จริงใจ และความยิ้มแย้มแจ่มใส คุณก็จะโกยคะแนนนิยมไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ทำให้ประโยคเป้าหมายที่จะพูดต่อไปบรรลุวัตถุประสงค์ได้ง่ายขึ้น คนที่ฟังคุณอยู่ก็รู้สึกดีที่จะพูดด้วยหรือฟังคุณต่อไป

สร้างความประทับใจผ่านการปรับตัว
คือการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นให้ได้ ซึ่งวิธีง่ายที่สุดก็คือเพิ่มรอยยิ้มบนใบหน้าการยิ้มให้ก่อนเป็นการเปิดทางและเปิดโอกาสให้กับตนเอง รวมไปถึงเป็นการเปิดใจหรือเปิดพื้นที่ให้แก่อีกฝ่ายได้เข้ามาพบกันครึ่งทางด้วย รอยยิ้มนับเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกดีๆ และเป็นสิ่งแรกที่คนเราจะหยิบยื่นให้แก่กันได้โดยไม่ต้องลงทุน แต่ให้ผลตอบแทนสูง เพราะแสดงออกถึงความเป็นมิตร ทำให้คนอยากพูดคุย อยากคบหาด้วย
สำหรับคู่หนุ่มสาวแล้ว รอยยิ้มของชายหนุ่มที่มอบให้หญิงสาวก่อนยังถือว่าเป็นการเปิดฉากสัมพันธภาพที่ดีที่สุด เท่ากับได้แง้มประตูหัวใจเธอเอาไว้แล้ว โอกาสต่อจากนี้ย่อมขึ้นอยู่กับวาทศิลป์และความสามารถเฉพาะตัว ส่วนหญิงสาวก็เปิดยิ้มแก่หนุ่มๆ ได้ แต่ต้องระมัดระวังว่ายิ้มนั้นมีความหมายใด เพราะง่ายต่อการถูกตีความไปในทางไม่สมควร จึงควรยิ้มแบบปกติธรรมดาที่สุด ยิ้มทายทัก มิใช่ยิ้มบอกรักนะคะ เมื่อเริ่มต้นจากการที่คนสองคนปรับตัว เปิดประตูเข้าหากันแล้ว การปรับตัวในระยะถัดมาก็ยังนับว่ามีความสำคัญอยู่ และสำคัญยิ่ง เป็นสิ่งที่ต้องสานต่อด้วย
สร้างความประทับใจผ่านการแต่งกาย
การแต่งกายให้เหมาะสมถูกกาลเทศะนับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจะต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คำนึงถึงความสะอาดของเสื้อผ้า การให้เกียรติกับกิจกรรมที่เข้าร่วม ให้เกียรติกับเจ้าของงาน ให้เกียรติกับสถานที่ เช่น เมื่อคุณไปสมัครงานหรือพบลูกค้า ก็ควรแต่งกายสุภาพกับตำแหน่งอาชีพที่ไปสมัคร ตัวอย่างงานด้านการขายหรืองานเกี่ยวกับธุรกิจ คุณสุภาพบุรุษควรเลือกเสื้อเชิร์ตสีอ่อนหรือฟ้าอ่อน กางเกงสีเข้มเข้ากับเสื้อสีดำ น้ำเงิน น้ำตาลเป็นพื้นฐาน ผูกเนคไทที่สีสันไม่ฉูดฉาดเกินไป หรือ
นัดหมายลูกค้าก็สมควรเน้นการแต่งกายสุภาพ ภูมิฐาน น่าเชื่อถือ งานสังสรรค์เพื่อนฝูงก็แต่งสบายๆ ผ่อนคลาย เป็นกันเอง หรือจะไปจีบหญิงก็อย่าปล่อยตัวแบบ "ผมเป็นผมเอง" จนเกินไปนัก แทนที่จะได้สมรักเธออาจพลันหายไปในเวลาต่อมาก็เป็นได้ เป็นต้น การแต่งกายจึงเป็นภาษากายที่มีความหมายลึกซึ้ง และมีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจในยามแรกพบด้วยเช่นเดียวกัน
สร้างความประทับใจผ่านการเดินและการเคลื่อนไหว
การเดินอย่างสง่างามเป็นเรื่องที่ดีและเป็นภาพที่แสนจะดึงดูดใจทั้งในสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี แต่เท่าที่พบมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ไม่สนใจกับท่าทางการเดินของตัวเอง ตรงข้ามกับผู้หญิงที่ค่อนข้างจะระมัดระวังกิริยาท่าทาง การวางตัว
เมื่อเกิดเป็นผู้ชายก็ควรผึ่งผาย สวมมาดชายชาตรีให้สมศักดิ์ศรี เวลาเดินก็ควรอกผายไหล่ผึ่ง บางคนกังวลกับความสูงของตนเองเวลาเดินเลยหลังค่อม ห่อไหล่ ไม่น่าดู ส่วนลักษณะการเดินก็ควรเดินในระดับความเร็วพอดีๆ ไม่ใช่เดินเร็วจนคนที่เดินด้วยต้องวิ่งตาม หรือเดินช้าจนน่ารำคาญ อย่าลืมว่าเดินให้สมาร์ทมักจะเป็นที่จับตาของผู้คนมาแต่ไกล และต้องไม่ลืมอีกด้วยว่าท่าทางการเดินสามารถเผยถึงบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เช่น คนเดินช้าก้มหน้าก้มตาแสดงว่าเป็นคนที่ขาดการตัดสินใจ คนเดินเร็วและขาห่างกันมักจะเป็นคนเปิดเผย คิดเร็วทำเร็วขาดความรอบคอบ คนที่เดินอย่างมีมาดสง่างามส่วนใหญ่สุขุมนุ่มลึกจะพบเห็นได้เสมอในหมู่นักบริหาร
สร้างความประทับใจผ่านการพูดจา
เมื่อได้ทักทายได้รู้จักกันแล้ว แน่นอนทีเดียวว่าการสนทนา การพูดจา แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกันย่อมเกิดขึ้นใครต่อใครหลายคนชอบเป็นคนพูดมากกว่าเป็นคนฟัง และเขามักอยากให้อีกคนสนุกที่จะฟังและพูดบ้างเล็กๆ น้อยๆ โปรดใช้ธรรมชาติข้อนี้ของความเป็นปุถุชนให้เป็นประโยชน์ในการสร้างความประทับใจเถิดค่ะพยายามชวนคุยด้วยคำถามปลายเปิดซึ่งเขาสามารถตอบและขยายความได้มากมาย เช่น การงานที่เขาทำ คุณอาจแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตัวว่าคุณยังต้องการเรียนรู้และฝึกฝนประสบการณ์อีกมาก ขอคำแนะนำจากเขา แสดงความกระตือรือร้นที่จะได้ฟังประสบการณ์ในการเป็นนักทำงานของเขา เช่นนี้แล้วการสนทนาก็ย่อมจะออกรสชาติ ฝ่ายหนึ่งได้เล่าเรื่องอย่างภูมิใจ อีกฝ่ายก็เป็นผู้ฟังที่น่ารัก กระตือรือร้นต่อการฟังและซักถามประปรายอย่างผู้
ใฝ่ใจต่อการเรียนรู้จริงๆ ทั้งประโยชน์และความสุขก็เกิดขึ้นจริงในวงสนทนาทั้ง 5 ประการที่ว่ามานี้เป็นพื้นฐานขั้นต้นในการสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เราทุกคนต้องพบปะหรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่เราสามารถปฏิบัติได้ง่ายมากๆ
จริงไหมคะ แต่คนส่วนใหญ่มักจะคิดไม่ถึงเรื่องการเสริมเสน่ห์ในบุคลิกภาพที่น่าสนใจนั้นยังมีอีกมาก ขอเพียงท่านผู้อ่านเห็นความสำคัญ ติดตามและฝึกฝนอย่างละเอียดอ่อน ไม่นานหรอกค่ะ คุณจะเป็นผู้หนึ่งที่ทุกคนกล่าวถึงในทางชื่นชมว่าเป็นแบบอย่างของคนที่มีบุคลิกภาพดีเป็นเลิศ
ข้อมูลจาก...Health Today ฉบับตุลาคม 2548

Comments

Popular posts from this blog

การทำเกษตรผสมผสาน

คำคมจาก หนังสร้างแรงบันดาลใจ: The Pursuit of Happyness