สะเดา มากคุณค่า เกินคาดเดา


          ถ้าให้เอ่ยชื่อผักรสขม เชื่อได้เลยว่า ชื่อแรกที่แทบทุกคนจะนึกถึงคือ "สะเดา" มีบันทึกว่า คนไทยกินสะเดาเป็นผักตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น คนไทยมักกินยอด และดอกสะเดาในช่วงต้นฤดูหนาว เพราะเชื่อว่า "กินสะเดาก่อนเป็นไข้ ช่วยป้องกันไข้ได้ กินสะเดาเมื่อเป็นไข้แล้ว รักษาให้หายไข้ได้"
          ชาวไทยแต่ก่อนถือว่า สะเดาเป็นต้นไม้มงคล ควรปลูกในบริเวณบ้าน โดยกำหนดให้ปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และความที่ถือว่าเป็นไม้มงคลนี่ด้วยกระมัง สะเดาช้างจึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดสงขลา และสะเดาไทยทั่วไป เป็นพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานีทีเดียว
          ไม่ผิดเลยที่กล่าวว่าเป็นต้นไม้มงคล เพราะสะเดารวมทุกสิ่งพร้อมเสร็จสรรพในต้น ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม กล่าวว่า "ในสะเดาตัวเดียวมีปัจจัยถึง 3 ตัวคือ เป็นยา อาหาร และเป็นไม้ใช้สอยทำที่อยู่อาศัยได้ ถ้าสะเดาอายุ 20 ปี เนื้อไม้จะแกร่งเหมือนไม้แดง ไม้ประดู่ แก่นมีสีสวย ทำไม้พื้น ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ มอดไม่กิน" และคุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งคือ เป็นแปรงและยาสีฟันอย่างดี
          สะเดาปลูกง่าย โตเร็ว ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดเพียงเวลา 3 ปี สะเดาโตจากเมล็ดเล็ก ๆ เป็นไม้สูงถึง 20 ฟุต สะเดาเป็นพืชอายุยืน อาจอยู่ได้นานถึง 200 ปี สะเดามีชื่อภาษาอังกฤษว่า "neem" มีความสำคัญจนเกิดองค์การชื่อ Neem Association รวบรวมความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับสะเดาไว้หลายแง่มุม สภาวิจัยแห่งชาติอเมริกาทำหนังสือหนา 152 หน้า แปลเป็นไทยว่า สะเดา : ต้นไม้แก้ปัญหาโลก (Neem : A Tree for Solving Global Problems)
สะเดาอินเดีย
          สะเดาในไทยมี 3 ชนิดคือ สะเดาอินเดีย (ไทยเรียกควีนิน) สะเดาช้าง (ไม้เทียม ต้นเทียม สะเดาเทียม สะเดาใบใหญ่) และสะเดาไทย คุณสมบัติสะเดาทั้ง 3 ชนิด คล้ายคลึงกัน นำมาใช้แทนกันได้
สะเดาช้าง
สะเดาช่วยป้องกันศัตรูพืช
           สารสกัดสะเดาที่มีในเมล็ดและใบ มีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ขับไล่แมลง ต่อต้านการดูดกิน ยับยั้งการเจริญเติบโต ป้องกัน และกำจัดแมลงได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว หนอนกอ หนอนกอสีครีม หนอนใยกะหล่ำ หนอนใยผัก ฯลฯ
           วิธีการแรกโรยเมล็ดสะเดาบดตามแปลงผักเพื่อปรับสภาพดิน นำเมล็ดสะเดากะเทาะเปลือก 1 กิโลกรัม ห่อผ้าแช่น้ำ 1 คืน ไปฉีดพ่นตามแปลงพืช อาจใช้สบู่ผสม เป็นสารจับใบ ฉีดพ่นทุก ๆ 7 วัน ในตอนเย็น
สูตรสมุนไพรกำจัดแมลง
           ใบสะเดาแก่ 2 กิโลกรัม ข่าแก่อายุ 1 ปีขึ้นไป 2 กิโลกรัม และตะไคร้หอมทั้งต้น 2 กิโลกรัม โดยนำส่วนผสมทั้งหมดตำละเอียด ไปหมักในน้ำ 1 ปี๊บ แช่ทิ้งไว้ 1 คืน (เกิน 1 คืน จะบูดใช้ไม่ได้) รุ่งเช้านำมากรองด้วยตาข่าย หรือมุ้งลวด บีบน้ำให้สะเด็ด นำน้ำยามาผสมกับน้ำในอัตราส่วน น้ำยา 1 ลิตร ต่อน้ำ 1-2 ปี๊บ นำไปฉีดต้นไม้
           หมายเหตุ น้ำยาที่กรองเอากากออกแล้วอยู่ได้หลายวัน ถ้าใช้ไม่หมดให้เก็บไว้ในขวดสีชา หรือแกลลอสีดำ เก็บไว้ในที่ค่อนข้างมืด แดดส่องไม่ถึง สูตรนี้ถ้าใช้เมล็ดแทนใบ จะกำจัดแมลงทุกชนิด ยกเว้นด้วงและแมลงปีกแข็ง
สูตรไล่หอย เพลี้ยไฟ
           ยูคาลิปตัส ยอดสะเดา ข่าแก่ บอระเพ็ดอย่างละ 2 กิโลกรัม จุลินทรีย์ กากน้ำตาลอย่างละ 1 แก้ว โดยนำยูคาลิปตัส สะเดา ข่าแก่ บอระเพ็ด แต่ละอย่างแยกใส่ปี๊บ ใส่น้ำให้เต็ม ต้มให้เหลืออย่างละครึ่งปี๊บ ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาเทรวมในถังใหญ่ ใส่จุลินทรีย์ 1 แก้ว กากน้ำตาล 1 แก้ว ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ 3-5 วัน ใช้ครึ่งแก้ว ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น รดในแปลงผัก พืช ในนาข้าว ป้องกันใบข้าวไหม้ด้วย
ยอดสะเดาไทย
ทุกส่วนของสะเดามีคุณสมบัติเป็นยาทั้งสิ้น
           รากสะเดา มีรสขมฝาดเย็น แก้เสมหะ ที่จุกคอ และแน่นอยู่ในอก
           เปลือกต้นสะเดา มีรสขมฝาดเย็น เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้ไข บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง กษัย (โรคซูบผอมแห้งแรงน้อย) แก้กองเสมหะ ต้มน้ำ ใช้ชะล้างแผลที่กลาย
           กระพี้สะเดา มีรสขมเย็นฝาดเล็กน้อย แก้น้ำดีพิการให้คลั่งเพ้อ แก้เพ้อคลั่ง บำรุงน้ำดี
           แก่นสะเดา มีรสขมฝาดเย็น แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ลม กินตัดไข้จับ แก้ไข้ตัวร้อน ไข้จับสั่น บำรุงไฟธาตุ (ช่วยย่อยอาหาร) บำรุงโลหิต
          ใบสะเดา มีรสขมฝาดเย็น บำรุงไฟธาตุ (ขับน้ำย่อยอาหาร) ทำให้อุจจาระละเอียด พอกฝี แก้พิษฝี แก้ไข้ แก้พยาธิทั้งปวง แก้โรคในคอ บำรุงโลหิต และน้ำดี แก้ร้อนในกระหายน้ำ ใบอ่อนแก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย
           ดอกสะเดา มีรสขม แก้พิษโลหิตกำเดา แก้ริดสีดวงในลำคอที่มีอาการคันเหมือนมีตัวไต่อยู่ บำรุงธาตุ
           ผลอ่อน มีรสขมปร่า แก้ลมหทัยวาต (ลมเกิดในหัวใจ) ฆ่าพยาธิ แก้ริดสีดวง แก้ปัสสาวะผิดปกติ เจริญอาหาร
           ผลสะเดา มีรสขมเย็น มีสารที่มีรสขมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องเป็นบิดมูกเลือด เป็นยาระบาย แก้โรคหัวใจเต้นผิดปกติ
           ยางสะเดา มีรสขมเย็น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
           น้ำมันจากเมล็ดสะเดา เรียกว่า margosa oil แก้โรคผิวหนัง
สะเดา : ยาดีใกล้มือ สำหรับผู้เป็นไข้ตัวร้อน
           เป็นไข้ตัวร้อน ปวดหัว น้ำมูกไหล ใช้ยอดอ่อน หรือดอกลวกจิ้มน้ำพริก อาการจะบรรเทาลงภายใน 24 ชั่วโมง
           ตรากตรำทำงานมาก ตากแดดตากฝน ทำให้อ่อนเพลียเบื่ออาหาร ครั่นเนื้อครั่นตัว มีอาการรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ ใช้ยอดอ่อน และดอกลวกกินกับข้าวทุกวัน ทำให้กินข้าวได้มาก นอนหลับดี อาการไข้จะทุเลาหายไปโดยไม่ต้องกินยา
           ใช้ใบทั้งก้านและดอก ทั้งแก่และอ่อน ตากแดดจนแห้ง นำมาต้มน้ำ 3 แก้ว ให้เหลือ 1 แก้ว กินขณะอุ่น ๆ ก่อนอาหาร ไม่เกิน 3 วัน ไข้จะหาย
           ก้านสะเดา 33 ก้าน ต้มน้ำ 3 แก้ว ให้เหลือ 1 แก้ว ดื่มให้หมด เอายาใหม่มาต้มอีก กินวันละ 3-4 ครั้ง อาการไข้จะหาย
           คนที่กินยาก เอาก้านสะเดาหั่นตากแดด บดผงผสมน้ำผึ้ง ปั้นลูกกลอน กินครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง
           เป็นไข้ตัวร้อน กระหายน้ำ ใช้ก้านและใบ 2-3 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มให้เดือดนาน 5-10 นาที ดื่มต่างน้ำ
           รากสะเดา 1 กำมือ ยาวหนึ่งฝ่ามือ ต้มน้ำเดือดนาน 10-15 นาที กินครั้งละครึ่งแก้ว ทุก 4 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังอาหาร หลังจากกินยา 10 นาที ความร้อนจะลดลง อาการไข้จะหายภายใน 2-3 วัน
สำหรับผู้เป็นไข้มาเลเรีย
           เปลือกต้นสะเดา ต้มกับน้ำเคี่ยวให้งวด ดื่มขณะยังอุ่น ยามีรสขมมาก ดื่มแล้วนอนคลุมโปง เหงื่อจะออกมาก กินซ้ำ 3-4 วัน อาการไข้จับสั่นจะค่อย ๆ หาย
           ตำราลังกาบอกว่า กินน้ำต้มใบสะเดา เป็นยาบำรุงในผู้ที่เป็นไข้มาเลเรียเรื้อรัง
           หมอพื้นบ้านล้านนา ใช้ยอด ก้านใบ ต้มเคี่ยวแก้ไขมาเลเรีย
           ไม่ว่าจะใช้ส่วนไหนของสะเดา จุดสำคัญอยู่ที่ต้องต้มเคี่ยว เอายามาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่น้ำให้ท่วมเลยยา 1 นิ้ว ต้มไปเรื่อย ๆ ให้เดือดอ่อน ๆ ประมาณ 30-45 นาที หมั่นเติมน้ำ อย่าให้ลดระดับต่ำกว่าตัวยา จะได้ยาเข้มข้มมีฤทธิ์แรง ถ้าต้มเคี่ยวไม่ถึง ไม่สามารถใช้แก้ไขมาเลเรียได้ จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ถ้าโรคถูกกับยาแล้ว กินครั้งแรกจะรู้สึกดีขึ้นทันที ถ้าไม่ดีขึ้น อย่าทู่ซี้ใช้ยา ให้รีบเปลี่ยนยา
           ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม พูดถึงสะเดาในแง่เป็นยาเด่นในการรักษาไข้มาเลเรีย หรือไข้จับสั่นว่า "แถวบ้านผมใช้กันมานานแล้ว พวกอยู่ป่าใช้กันมาก เท่าที่ผมรู้ผมเห็น ยังไม่มีรายไหนกินแล้วไม่หาย ตัวยามีสมอไทย 40 ลูก ก้านสะเดา 33 ก้าน ฝักคูน 3 ฝัก ใบหนาด 10 ใบ ขมิ้นอ้อย 5 แว่น ถ้าท้องผูกก็เติมดีเกลือเวลาจะกิน"
           วิธีต้ม ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มให้เดือด 5-10 นาที กินก่อนอาหาร วันละ 3-4 ครั้ง ๆ ละ 1 แก้ว หรือทุก 3-4 ชั่วโมง เติมน้ำต้มกินไปเรื่อย ๆ จนกว่ายาจะจืด ถ้ากินแล้วไม่ระบาย ให้เติมดีเกลือ
บำรุงธาตุไฟ
           สะเดาช่วยเรียกน้ำย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น ใบสะเดายังช่วยบำรุงน้ำดี ขับน้ำดีให้ตกสู่ลำไส้มากขึ้น น้ำดีช่วยย่อยไขมัน ทำให้อาหารพวกไขมันถูกย่อยมากขึ้น ถ้ามีอาการเบื่ออาหาร ให้กินสะเดาลวกจิ้มน้ำพริก หรือสะเดาน้ำปลาหวาน (ผู้ที่กินมังสวิรัตก็ใช้ซีอิ๊วแทนได้) จะช่วยให้เจริญอาหาร
บ่มกล้วยตาก
           กล้วยตาก ตำบลย่านรี จังหวัดตาก มีชื่อเสียงว่ารสชาติดี ไส้กล้วยนิ่มไม่แข็ง หนึบนอกนิ่มใน เพราะใช้ใบสะเดาบ่มกล้วย และช่วยป้องกันแมลงวันทองเจาะผลกล้วยด้วย วางกล้วยแก่จัดซ้อนกันไม่เกิน 3 ชั้น คลุมด้วยใบสะเดา แล้วห่อพลาสติกทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วผึ่งข้างนอกอีก 3-4 วัน นำกล้วยสุกงอมไปทำกล้วยตากได้
ขับลม
           ยอดอ่อนต้ม หรือเผาให้กรอบ จิ้มน้ำพริกกินกับข้าว ช่วยย่อยอาหาร บำรุงไฟธาตุ และขับลมได้ดี

           ใบสะเดาช่วยรัดฐานฝี ทำให้หนองแตกเร็ว เอาใบตำพอก ใช้ผ้าปิดทับ เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หยอดน้ำให้ยาเปียกอยู่เสมอ
บิด
           เปลือกสะเดา 1 ชิ้น โตเท่าฝ่ามือ ต้มกับน้ำ 2 แก้ว เดือด 10 นาที กินวันละ 3 ครั้ง ๆ ละครึ่งแก้ว อาการปวดเบ่งจะทุเลา ถ้วยแรกจะถ่ายห่าง แลปวดบิดเป็นมูกน้อยลง แล้วหายในที่สุด
           สะเดา 7 ยอด โขลกกับกระเทียม 3 กลีบ ใส่น้ำตาลอ้อย พอออกรสหวาน ๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน กินครั้งเดียวให้หมด กินทุก 2 ชั่วโมง ถ้าอาการทุเลาลงให้กินทุก 4 ชั่วโมง
           ใบสะเดาแก่ 1 กำมือ ตำคั้นกับน้ำต้มสุก 1 แก้ว กินให้หมด กินแล้วอาการถ่ายจะหยุด
คอมีเสมหะ
           รากสะเดา 1 กำมือ ใส่น้ำให้ท่วม ต้ม 10-15 นาที กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร เสมหะที่ติดคอจะถูกขับ น้ำลายหายเหนียว กินติดต่อกัน 4 วัน อาการไอจะหาย
ผด ผื่นคัน
           ใบสะเดาต้ม พอน้ำเดือด ตั้งไฟไว้พออุ่น อาบทันที ผดผื่นคันจะหายภายใน 2-3 วัน
คันในร่มผ้า
           ใบสะเดาแก่ ต้มให้งวด ทิ้งไว้จนเย็น แล้วเอาชำระล้างส่วนที่คัน 4-5 ครั้งติดต่อกัน จะหายคัน
แผลพุพองมีน้ำเหลืองไหล
           เปลือกสะเดา 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยา เคี่ยวพอน้ำงวด มีสีเปลือกสะเดาออกน้ำตาลอ่อน ใช้สำลีชุบเช็ดทาบ่อย ๆ จะช่วยให้แผลแห้งดี ไม่มีน้ำเหลืองไหล น้ำยานี้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ล้างแผลได้ดี แผลจะค่อย ๆ แห้งและหายไปในเวลา 4-5 วัน
           ผิวหนังเป็นเม็ดผุดขึ้นมา พอเม็ดแตกจะมีน้ำใส ๆ ไหลออกมา ใช้ใบสะเดาต้มอาบ แก้ผื่นคัน
หัด
           ก้านสะเดา 33 ก้าน ต้มกับน้ำ 10 ลิตร ต้มให้เหลือน้ำ 5 ลิตร ยกลงทิ้งให้เย็น ผสมน้ำเย็น 1 ขัน อาบให้ทั่วร่าง วันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย ระวังอย่าอาบตอนที่เม็ดหัดผุดขึ้นใหม่ ๆ ให้อาบตอนที่เม็ดหัดออกเต็มที่แล้ว
ลมพิษ
          ใบสะเดาทั้งก้าน 1 กิโลกรัม ใส่น้ำให้มากพออาบ ต้มจนเป็นสีเหลือง ทิ้งไว้ให้อุ่นใช้อาบ
ปากเปื่อย
           ริมฝีปากเป็นแผล เจ็บแผลเมื่อกินรสจัด กินอาหารไม่ค่อยได้ มีอาการเจ็บคอ เกิดจากการนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ และเครียด กินยอดอ่อนสะเดาลวก 3 วัน หายเป็นปกติ
เจ็บคอ
           อากาศเปลี่ยน หรือใช้เสียงมากเกินไป ใช้กิ่งสะเดาเคี้ยว ๆ อม ๆ ค่อย ๆ เคี้ยว ค่อย ๆ กลืน อาการเจ็บคอจะทุเลา จนกระทั่งหาย
ร้อนใน
           ใช้ยอดสะเดาลวกน้ำร้อน 2-3 น้ำ กินกับข้าว ทำให้ระบายอ่อน ๆ แก้ร้อนใน ปากเป็นแผล และปากมีกลิ่นเหม็นได้ดีมาก
บำรุงสายตา
           มีผู้กินยอดสะเดามาตั้งแต่เด็ก อายุ 90 กว่า สายตายังดีมาก
ท้องผูก
           กินสะเดาน้ำปลาหวาน 1 อาทิตย์ การขับถ่ายดีขึ้น
           ใบสะเดาตากแดดให้แห้ง บดผงละลายน้ำร้อน กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร ช่วยให้ถ่ายสบาย
นอนไม่หลับ
           ใช้ใบและก้าน 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มให้เดือด 5-10 นาที กินวันละ 3-4 ครั้ง ๆ ละ 1 แก้ว แก้นอนไม่หลับ
เบาหวาน
           ใบสะเดาต้มกินทุกวัน โดยใช้ใบ 1 กำมือ ใส่น้ำ 3-4 แก้ว ต้มให้เดือด 5-10 นาที กินวันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร
           ใบสะเดาสด 1 กิโลกรัม ใบมะกรูด 1 กิโลกรัม บอระเพ็ด 1 กิโลกรัม ใส่น้ำท่วมยา ต้มให้เดือดนาน 10-15 นาที กินต่างน้ำ หรือกินครั้งละ 1 แก้ว ทุก 4 ชั่วโมง
ประดงเส้น
           สะเดาทั้ง 5 ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มให้เดือดนาน 10-15 นาที กินครั้งละ 1-2 แก้ว วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
ประดงเข้าข้อ
           เปลือกสะเดาฝนกับน้ำทาภายนอก และต้มใบสะเดา 1 กำมือ กินทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
บำรุงเหงือกและฟัน แก้รำมะนาด เสียวฟัน
           มีคำร่ำลือว่า พวกแขกฟันดี ฟันขาวแข็งแรง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ยาสีฟัน ใช้แต่กิ่งไม้สีฟัน คนอินเดียผูกพันกับสะเดาที่สุด ตื่นเช้าก็ใช้กิ่งสะเดาทุบแปรงฟัน ใช้สบู่ที่ทำจากลูกสะเดา ชาวอินเดียแม้จะมีการแบ่งชั้นวรรณะ แต่ยาสีฟันซึ่งผู้มีอันจะกินใช้ก็ทำมาจากสะเดา ไม่แบ่งชั้น คนอินเดียรู้คุณค่าการใช้ไม้สีฟันมานานแล้ว ทุกวันนี้คนท้องถิ่นก็ยังใช้กันอยู่ ตื่นเช้าก็เดินมาที่ต้นสะเดาหักกิ่งสดมาสีฟัน คนอินเดียมีตำราเลือกกิ่งไม้ที่สีฟันให้เหมาะสมกับแต่ละธาตุ แต่ไม้สะเดาในตำรากล่าวว่าใช้ได้กับคนทุกธาตุ
           กิ่งสะเดามีรสขมก็จริง แต่ก็มีรสชาติไปอีกแบบ เลือกกิ่งยาวขนาดนิ้วชี้ใช้ฟันขบปลายให้แบนแตกเป็นเส้นเล็ก ๆ คล้ายแปรงเอามาสีฟัน สีไปสีมา ขนแปรงจากไม้สะเดาจะหลุด เราก็เคี้ยวเศษที่หลุดให้ละเอียดกลืนลงไป ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด สีไปขบไปเคี้ยวไปจนหมดกิ่ง ขณะสีไม่ต้องบ้วนน้ำลายให้เปื้อนพื้น ยกเว้นในตอนเช้า ให้บ้วนน้ำลายเหนียว ๆ ออกเสียก่อน
           ใช้ไม้สะเดาสีฟันทุกครั้งหลังอาหาร สีไปผ่อนคลายกายใจไป ชีวิตใช่ว่าจะต้องเร่งรีบไปเสียทุกเรื่อง สีแล้วใช้ลิ้นดุนฟัน จะพบว่าฟันลื่นสะอาด กลิ่นอาหารไม่มี ลำคอสะอาด สะเดาช่วยทำลายแบคทีเรียในปาก และยังช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ แก้ท้องอืดเฟ้อ
ฟันโยกคลอน เหงือกเป็นแผล ปากเป็นแผล
           ใช้เปลือกสะเดายาว 2-3 นิ้ว ขูดเอาเปลือกนอกดำ ๆ ออก ทุบปลายให้แตก พอให้ส่วนปลายอ่อน ๆ ถูฟันเสร็จแล้วตัดออก จะใช้ครั้งต่อไปก็ทุบใหม่ ใช้แล้วฟันที่โยกคลอนจะแข็งแรง
รำมะนาด เหงือกอักเสบ
           จะรู้สึกเจ็บปวดมาก เคี้ยวอาหารไม่สะดวก หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด หากปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน จะเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เหงือกเน่ามีหนอง โรคกระเพาะอาหาร ลำไส้ มะเร็งในปาก ฯลฯ ผู้เป็นรำมะนาด จะต้องอมเกลือให้มีรสเค็มจัด เพื่อทำลายกรดในปากให้เป็นด่าง อาการปวดเหงือก หรือปวดฟัน จะบรรเทาลง รำมะนาดจะหายเร็วขึ้น ถ้าใช้เปลือกสะเดา หรือเปลือกข่อย ต้มกับเกลือ 10-15 นาที อมวันละ 2-3 ครั้ง
อาการเสียวฟัน
           ใช้ไม้สีฟันสะเดา จะสัมผัสรู้ด้วยตนเองว่า อาการเสียวฟันจะลดลง และหายเสียวฟันในที่สุด มีผู้ที่เสี่ยวฟันขนาดกินส้ม กินสับปะรดไม่ได้ เพราะเสียวฟันมาก แต่หลังจากใช้สะเดาแล้วก็หายเสียวฟัน เพราะยาสีฟันสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบบผง หรือแบบครีม จะมีสารขัดฟัน ถ้าใช้ไปนาน ๆ หลายคนจะมีอาการเสียวฟัน
ริดสีดวงลำไส
           จะมีอาการปวดท้อง ปวดเจ็บในลำไส้ มักถ่ายออกมาเป็นเลือด เอารากสะเดาฝนใส่น้ำมะพร้าว กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร
เลือดกำเดาไหล
           ใช้ใบสะเดา ใบพริกขี้หนู รากกระเทียม อย่างละเท่า ๆ กัน หั่นเป็นฝอยตากแห้ง มวนสูบ
เหา
           โขลกใบแก่ ๆ ผสมน้ำ นำไปทาบนหัวเด็ก ใช้ผ้า หรือถุงพลาสติกคลุมทิ้งสักพัก เหาจะตาย ไข่จะฝ่อ
สุนัขเป็นขี้เรื้อน
           ใบสะเดาตำ บดละเอียด นำน้ำและกากมาชโลมทาตัวสุนัขให้ทั่ว
ทำกระดาน
           สะเดาเป็นพันธุ์ไม้เนื้อแข็ง นำต้นสะเดามาเลื่อยเป็นไม้กระดานปูพื้นได้สวยงาม
ลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง
           มีรายงานว่า สาร polysaccharides และ limonoids ที่พบในเปลือก ใบ และผลสะเดา ลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็ง โดยไม่ก่อผลข้างเคียง
ลดความเครียด
           มีการทดลองโดยเปรียบเทียบความเครียดของหนู 3 กลุ่ม หนูกลุ่มที่ 1 ได้รับน้ำใบสะเดาคั้น หนูกลุ่มที่ 2 ได้น้ำเกลือ หนูกลุ่มที่ 3 ได้ diazepam (valium) ซึ่งเป็นยาลดความกังวลที่ใช้กันมาก ปรากฏว่า สะเดาส่งผลได้เท่ากับหรือดีกว่า diazepam (valium)
รักษาโรคแทรกซ้อนของผู้ติดเชื้อเอดส
           ช่วยเจริญอาหาร ผู้ติดเชื้อรู้สึกไม่อยากกินอาหาร หรือกินได้น้อย ทำให้ซูบผอม น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ให้กินสะเดาเป็นอาหาร หรือใช้ใบ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 แก้ว ต้มเคี่ยวเหลือ 1 แก้ว ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร (ถ้าผู้ติดเชื้อเป็นไข้ เกิดอาการตัวร้อน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้ใช้ยาแก้ไขดังที่กล่าวมาตอนต้น)

http://www.ku.ac.th/e-magazine/jul49/agri/nim.htm

Comments

Popular posts from this blog

การทำเกษตรผสมผสาน

คำคมจาก หนังสร้างแรงบันดาลใจ: The Pursuit of Happyness