Posts

Showing posts from 2014

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์

Image
"คุณหนูดี-วนิษา เรซ"  ดีกรี ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เจ้าของโรงเรียนและสถาบันอัจฉริยะ สร้างได้ อีกทั้งยังเป็นคนแรกที่ทำอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพ ซึ่งไปถามใครที่ไหนเชื่อเถอะว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักอาชีพนี้ เพราะเมื่อเอ่ยถึงการฝึกความอัจฉริยะหรือการพัฒนาสมองเรามักจะนึกถึงเด็ก เล็กๆ ซึ่งน่าจะเหมาะกับการพัฒนาและฝึกฝนมากกว่าผู้ใหญ่ แท้ที่จริงแล้วผู้ใหญ่ทุกคนก็สามารถสร้างความเป็นอัจฉริยะได้ อย่างที่คุณหนูดีกล่าวว่า  "สมองของเรามีเซลล์สมองเท่ากับไอน์สไตน์ "  เพียงแค่ดูแลสมองให้มีสุขภาพดี ด้วยเทคนิค ที่ควรเอ็กเซอร์ไซส์ให้สมองไบรท์ดังต่อไปนี้  1. จิบน้ำบ่อยๆ  สมอง ประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำ หล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออกแต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ 2. กินไขมันดีคนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมันซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ  แนะ นำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไข

8 ข้อปฏิบัติเพื่อฝึกหาความสุข .....

Image
  Danai Chanchaochai 1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้ นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป 2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย 3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง 4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว 5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่

เวลามีปัญหาแก้ที่ตัวเรา...ไม่ใช่โทษคนอื่น

Image

แนวคิด 4T กับการบริหาร

Image
  TMB Efficiency Improvement for Supply Chain 1) Target หมายถึง การมีเป้าหมายที่ชัดเจน ปกติการตั้งเป้าหมายแบบคลุมเครือ ไม่ชัดเจน จะทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความไม่เข้าใจว่า เป้าหมายสุดท้ายค ืออะไร ดังนั้นการตั้งเป้าหมายต้องชัดเจน สามารถวัดผลได้ เช่น การตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มยอดขาย จะต้องระบุชัดเจนว่าต้องการมียอดขายเท่าไร จะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นตัวเงินเท่าไร มีกำไรเท่าไร โดยการตั้งเป้าหมายนั้น ต้องมีความกล้าที่จะตั้งเป้าให้สูง และคิดว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ไม่ใช่ตั้งเป้าต่ำ ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าได้ง่าย และต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จถึงเป้าหมาย ซึ่งต้องใช้ความอดทนและการทำอย่างต่อเนื่อง 2) Timing หมายถึง การมีกรอบเวลาในการทำงาน ทำให้ผู้ปฏิบัติต้องบริหารเวลา เพื่อให้บรรลุเป้าตามกรอบเวลาที่วางไว้ และการกำหนดกรอบเวลานั้นต้องไม่ยาวนานเกินไป การไม่มีกรอบเวลาจะทำให้งานดำเนินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันแล้วเสร็จ 3) Tracking หมายถึง การมีระบบในการติดตามงาน เมื่อมีเป้าหมายในการทำงานแล้ว แต่หากไม่มีการติดตาม งานก็จะไม่ประสบความสำเร็จ การติดตามงานส

42 วิธีในการพัฒนาตนเองให้สำเร็จตามเป้าหมาย

Image
TMB Efficiency Improvement for Supply Chain [Efficiency Tips] 1. จดรายการทุกอย่างที่ต้องทำพรุ่งนี้ไว้ตั้งแต่เย็นวันนี้แล้ว (เมื่อทำสำเร็จให้ขีดออก ขีดฆ่าทั้งข้อ ความเลย อย่ารีรอเย็นวันนี้ทำเสียเลย) 2. เก็บรายชื่องานที่ต้องกระทำหรือ แผนงานไว้ตรงหน้า ก็เพื่อให้เห็นตำตานั่นแหละ) 3. บอกตัวเองถึงประโยชน์ของงานที่วันละทำหลายๆครั้ง (จะได้มีแรงปรารถนาที่จะทำ) 4. งานจะเสร็จต้องเริ่มต้นจากส่วนเล็กไปสู่ส่วนใหญ่เสมอ (งานใหญ่จะสำเร็จก็ต้องเริ่มทำทีละน้อยทั้งนั้น) 5. มีแผนการทำงานไว้หลายๆแผนเพื่อไม่ให้งานผิดพลาด (อย่ามัวโทษนั่นโทษนี่ ไม่มีอะไรง่ายจนใครๆก็ทำได้ หรือ ไม่มีอะไรยากเกินที่บางคนจะทำได้) 6. ตั้งใจให้แน่วแน่ที่จะทำให้สำเร็จ อย่าห่วงเกินไปว่าจะไม่ สำเร็จ (การกังวลทำให้เหนื่อยใจ เป็นทุกข์มากกว่าการทำงาน เสียอีก) 7. วิเคราะห์เหตุผลในการที่ไม่ค่อยสู้จะเต็มใจทำงาน (ถ้าไม่อยากทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย ถามตัวเองว่า คิดจะหลีกเลี่ยงอะไร หลีกพ้นไหม) 8. จดปัญหาลงในกระดาษแล้วแก้ปัญหาในกระดาษนั้น (อย่าเพียงคิดไว้ในใจ มีปัญหาอะไรระบุออกมา) 9. ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้อื่น (สอบ

อุปนิสัย 7 ประการ ของผู้มีประสิทธิภาพในการทำงาน

Image
• ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำก่อน (Be Proactive) คนที่อยู่ในประเภทที่เป็นผู ้กระทำ จะเป็นผู้เลือกที่จะทำหรือจ ะไม่ทำสิ่งใด ๆ ด้วยเหตุด้วยผลของเขาเอง คือคิดว่าตัวเองเป็นผู้กำหน ดชีวิตของตน ทั้งนี้ด้วยการพิจารณาไว้ก่ อน ไม่ใช่ว่าถึงเวลาแล้วค่อยคิ ดจะทำ เพราะสุดท้ายแล้วก็จะกลายเป ็นผู้ถูกกระทำและตอบสนองต่อ สิ่งแวดล้อมเหมือนเดิม • เริ่มต้นโดยมีเป้าหมายชัดเจ น (Begin with the end in mind) คือ การวางแผนการทำงาน หรือแม้แต่ชีวิตของคนเราไว้ ตั้งแต่แรกเริ่มที่จะทำการอ ะไรใด ๆ เพราะหากเราได้ตั้งใจไว้แล้ วว่าในที่สุดแล้ว การงานหนึ่ง ๆ หรือชีวิตของเราจะมีลักษณะส ุดท้ายเป็นอย่างไร เราก็จะทำตัวให้สอดคล้องกับ จุดหมายนั้นโดยไม่ไขว้เขวไป • ทำสิ่งสำคัญกว่าก่อน (Put first things first) ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเช่น กัน เพราะในชีวิตประจำวันเรานั้ น อาจจะต้องมีกิจกรรมหลายอย่า งที่จะต้องทำ บางอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ส ำคัญ บางอย่างเป็นเรื่องไม่สำคัญ บางอย่างไม่เร่งด่วน บางอย่างเร่งด่วน ดังนั้นแล้ว สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตอาจจะผสมกันออกมาเป็ นได้หลายแบบคือ: ก) สำคัญและเร่งด่วน - ต้องทำโดยเร็วที่สุด และต้องท

[Efficiency Tips] 10 ขั้นตอนสร้างความผูกพันในองค์กร

Image
1. เอาผลงานเป็นที่ตั้ง ความผูกพันองค์กรไม่ได้ขึ้น อยู่กับความพึงพอใจของพนักง าน ดังนั้น สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการ คือการมีพนักงานที่พึงพอใจใ นองค์กรแต่ทำผลงานได้ต่ำกว่ ามาตรฐาน 2. เริ่มที่ผู้บริหารก่อน ผลการศึกษามากมายแสดงว่า ผู้ที่จะสร้างความผูกพันองค ์กรได้ดีคือบุคคลในระดับบริ หาร ผู้จัดการ หัวหน้างาน และพนักงานอาวุโส ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ พนัก งานเห็นคุณค่าของการเป็นส่ว นหนึ่งขององค์กร 3. สร้างความผูกพันกับหัวหน้าง าน อย่าให้พนักงานที่เข้ามาร่ว มงานกับบริษัทที่ดี ต้องออกจากงานเพราะหัวหน้าง านที่ไม่ดี 4. โฟกัสที่การสื่อสาร ผู้นำที่ประสบความสำเร็จตระ หนักถึงความสำคัญของการสื่อ สาร ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในก ารสร้างความผูกพัน ยิ่งสื่อสาร ยิ่งเข้าใจและผูกพัน 5. สร้างความผูกพันเฉพาะบุคคล คุณควรปฏิบัติต่อพนักงาน ในรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละ บุคคล ไม่ใช่แค่ปฏิบัติในแบบที่คุ ณอยากได้รับการปฏิบัติ แต่ควรปฏิบัติกับพนักงานแต่ ละคนในแบบที่เขาต้องการได้ร ับการปฏิบัติต่างหาก 6. สร้างวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วย แรงจูงใจ คุณไม่สามารถจูงใจพนักงานใน ระยะยาวได้ ถ้าไม่สร้างวัฒนธรรมเช่นนั้ นขึ

โชคดี...หรือ...โชคร้าย...

โชคดี...หรือ...โชคร้าย... ชาวนาคนหนึ่งทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์... เขามีม้าอยู่ตัวหนึ่งซึ่งเป็น ม้าที่สวยงามมาก ผู้คนต่างพากันบอกว่า..."โชคดีจริงๆนะ ที่ท่านได้เป็นเจ้าของม้าแสนสวยตัวนี้" ชาวนาจึงตอบว่า... "โชคดี โชคร้าย ใครจะรู้" วันหนึ่ง...ม้าที่แสนงามตัวนั้น เกิดหลุดออกจากคอกแล้ววิ่งหนีเข้าป่าหายไป เพื่อนบ้านของเขาต่างก็กล่าวว่า... "โชคร้ายจริงๆ ม้าดีๆหายไปเสียแล้ว" “โชคดี โชคร้าย ใครจะรู้” ชาวนาตอบ หลายวันต่อมา... ม้าของชาวนาที่หนีไป...ก็กลับมา และคราวนี้มันกลับมาพร้อมกับ นำม้าป่าที่สวยงามมาอีกห้าตัวด้วย เพื่อนบ้านของแกก็กล่าวอีกว่า... “โชคดีอะไรอย่างนี้ ได้ม้าป่ามาฟรี ๆ ห้าตัว” ชาวนาก็ตอบเช่นเดิมว่า “โชคดี.. โชคร้าย ใครจะรู้” วันต่อมา... ลูกชายของแกเริ่มเอาม้าป่าออกไปหัดขี่... ไม่ทันไรก็โดนม้าป่าพยศ....สะบัดลูกแกตกจากหลังม้า...ขาหัก เพื่อนบ้านของแกจึงกล่าวว่า... “โชคร้ายอะไรอย่างนี้นะ ลูกชายขาหักเสียแล้ว” ชาวนาตอบกลับเช่นเดิมว่า “โชคดี โชคร้าย ใครจะรู้” อาทิตย์ถัดมา... ข้าราชการทหารมาที่หมู่บ้าน และมาเกณฑ์เอาคนหนุ่มทั้งหมดไปเป็นทหาร...เพื่

6 กลยุทธ์ของการเป็นผู้นำที่ดี

Image
1. ให้ความสำคัญกับคน ไม่ใช่ผลกำไร เพราะไม่ใช่ผลกำไรที่ขับเคล ื่อนคน แต่เป็นคนต่างหากที่ขับเคลื ่อนให้เกิดผลกำไร ตัวเลขเป็นเพียงเครื่องชี้ว ัดว่าคนทำงานได้ดีเพียงใด ทั้งนี้จงอย่าลืมว่า “วัฒนธรรมสร้างพฤติกรรม พฤติกรรมสร้างนิสัย และนิสัยนำไปสู่ผลลัพธ์” 2. เป็นตัวอย่างที่ดี น้ำเสียงที่ผู้นำพูดกับผู้ใ ต้บังคับบัญชาสามารถสร้างแร งบันดาลใจ หรือทำลายขวัญกำลังใจพวกเขา ได้ทั้งนั้น เพียงคุณทักทายพนักงานด้วยน ้ำเสียงสดใส แม้ว่าคุณทั้งคู่จะมาทำงานส ายไปกว่าชั่วโมง ก็สามารถสะท้อนให้พวกเขาเห็ นถึงทัศนคติของคุณได้ เมื่อคุณคาดหวังสิ่งใดจากพว กเขา ก็จงคาดหวังสิ่งนั้นจากความ เป็นผู้นำของคุณด้วยเช่นกัน และผู้นำที่ดีต้องรู้จักควา มถ่อมตน เมื่อเขาต้องการเรียนรู้ เติบโตและพัฒนาตนเองต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความห ิวกระหายในการทำงานหนักมากก ว่าคนอื่นๆ 3. ห้ามคร่ำครวญใดๆ วัฒนธรรมที่ส่งเสริมความสำเ ร็จในองค์กรนั้นเน้น ที่การแก้ไขปัญหา ไม่ใช่การคร่ำครวญถึงปัญหา และข้อผิดพลาดต่างๆ กฎข้อหนึ่งในองค์กรที่ง่ายม ากคือ พนักงานไม่ได้รับอนุญาตให้ค ร่ำครวญเรื่องใดๆ โดยไม่เสนอหนทางแก้ไขปัญหาอ อกมาด้วย 4. สอนพ

เถียงชนะ แล้วได้อะไร ?

Image

ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 40 ปี

 คนเรา ย่างจากวัยเด็ก มาเป็นคนหนุ่มสาว สิ่งที่ตามมาด้วยคือ แนวคิด ข้อมูล หลักเหตุผล และศีลธรรม จรรยา มารยาท คนที่คนเขาเรียกว่า มีการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาหมายถึง ก่อนที่จะโตเป็นหนุ่มสาว คือวัยเด็กนั่นเอง หากไม่ได้อบรมมา สิ่งที่ตามมาจะขาดไป 2-3 อย่างหรือมากกว่านั้นเช่น ศีลธรรม จรรยา และ มารยาท เป็นต้น     อย่างไรก็ตาม กลไกการเอาตัวรอดในธรรมชาติ อย่างไรเสียก็มีอยู่ในคนหนุ่มสาว คือเรื่อง ของ แนวคิด ข้อมูล หลักเหตุผล เมื่อคนเราในสมัยนี้กลายเป็นว่ามีแต่สิ่งเหล่านี้ การปฏิบัติต่อกันก็ยากจะหาความ ละมุนละไม เพราะต่างคนต่างก็คิดแต่เหตุผลของตน ไม่ว่าจะคนชั้นล่าง ชั้นกลาง หรือกว่านั้น ร้อยจนเกือบร้อย ที่อาจารย์ผ่านชีวิตมาจะ 40 ปี พบว่า คนต่างก็เข้าข้างตัวเอง หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีอำนาจมากพอที่จะข่มตน     ในกลุ่มวัยรุ่นไทยจะพบว่า มักจะทำอะไรเป็นกลุ่ม ตามเพื่อน จนเกินไป สมัยเรียนจะพบว่า ไปกินข้าวก็เป็นกลุ่ม ทำงานแล้วก็ยังทำอย่างนั้น ขณะที่คนญี่ปุ่น เอาสำรับมากินที่ทำงาน ไม่แปลกที่ชาติของเขาพัฒนากันโครมๆ ขณะที่ของเรา กว่าจะสั่งข้าวครบคนก็ผ่านไปแล้วเกือบ 20 นาที กว่าจะทำเสร็จ เสิร์ฟ กินจนเสร็จก็

บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร

บุคคลพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร "วิริเยน ทุกขมัจเจติ" บุคคลพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร เมื่อมีความเพียรหมั่นขยันไม่ท้อแท้แล้ว สำเร็จได้ทุกคน บุคคลพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร ไม่ละไม่เปลี่ยน อุปสรรคไม่หนี...
อย่า...เก็บเอาแต่เรื่อง "ทุกข์ใจ" มาใส่สมอง อย่า... "ตัดสิน" คนอื่นๆ แค่จากการมอง อย่า..."อิจฉา" อย่าคิดครอบครอง ...  เพราะไม่มีของอะไรที่เป็นของของเรา ...