“จิงจูฉ่าย” ผักสมุนไพรทางออกเกษตรกรไทย ตอบโจทย์รักสุขภาพ
โดย MGR Online สำหรับการปลูกจิงจูฉ่ายในประเทศไทย เริ่มมาจากการปลูกในพื้นที่โครงการหลวง เมื่อปี 2009 ปัจจุบันโครงการหลวงยังคงปลูกจำหน่าย และขายกิ่งพันธุ์ให้กับเกษตรกรที่สนใจ ในพื้นที่ภาคเหนือ ตอนหลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น หลังผลการวิจัยออกมา จิงจูฉ่าย ช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ และ ครั้งนี้ ได้มีโอกาส รู้จักกับเจ้าของไร่ผู้ปลูกจิงจูฉ่าย ที่ได้รับการถ่ายทอดจากโครงการหลวงเชียงราย “ ศิริวิมล กิตะพาณิชย์” เจ้าของไร่รื่นรมย์ ได้มาถ่ายการปลูกจิงจูฉ่าย | |||
โดยจุดเริ่มของตนเอง มาจากการได้รับคำแนะนำวิธีการปลูกจากศูนย์เพาะขยายพันธุ์พืช โครงการหลวงที่จังหวัดเชียงราย และได้ซื้อกิ่งพันธุ์ จากโครงการหลวงมาปลูก ขั้นตอนการปลูกนั้นสามารถแยกกิ่งที่แก่ไปปักชำได้ หรือขุดรากไปปลูกได้เช่นกัน พื้นที่ที่เหมาะสม ที่ผ่านมาจะพบว่า ส่วนใหญ่จะมีการปลูกกันมากบริเวณภาคเหนือตอนบน แต่ปัจจุบันจะพบว่ามีการปลูกกันในหลายพื้นที่ในภาคกลาง ดังนั้น จึงสรุปว่าน่าจะปลูกได้ในทุกพื้นที่ ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ สามารถปลูกลงดินหรือในกระถางก็ได้ | |||
การปลูกจิงจูฉ่าย 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 20 แถว ใช้กิ่งปักชำประมาณ 900-1.000 กิ่ง และต้องใช้ปุ๋ยคอก และเชื้อจุลินทรีย์ ประมาณ 100 กระสอบ ค่าใช้จ่ายในการปลูก ต่อ 1 ไร่ประมาณ 15,000 บาท ไม่รวมระบบน้ำและค่าแรง ซึ่งการปลูก 1 ครั้ง สามารถตัดกิ่งขายได้หลายรอบ จนกว่าต้นจะตาย หรือ สามารถนำกิ่งมาตัดขยายพันธุ์ต่อได้ การลงทุนในครั้งแรกจะสูง เพราะต้องซื้อกิ่งพันธุ์ หลังจากนั้น เกษตรกรสามารถขยายพันธุ์เอง ส่วนราคากิ่งพันธุ์ กิ่งละ 15 บาท ถึง 20 บาท สามารถหาซื้อได้ที่โครงการหลวง หรือ ในกรุงเทพฯ ซื้อได้ที่สวนจตุจักร ปัจจุบันมีการปลูกเพาะพันธุ์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้สามารถหาซื้อกิ่งพันธุ์ได้ง่าย | |||
โดยผลผลิตที่ไร่ของ คุณศิริวิมล จะส่งไปจำหน่ายในร้านเพื่อสุขภาพ ชื่อ ร้านโดยเฉพาะสาขา โรงพยาบาลศิริราช โดยทำเป็นแพคใส่ถุงแบบยืดอายุ ราคาจำหน่ายถุงละ 39 บาท น้ำหนักประมาณ 300 กรัมต่อหนึ่งถุง เดือนหนึ่ง สามารถตัดกิ่งจิงจูฉ่ายส่งขายได้ 150-200 กิโลกรัมบนพื้นที่ปลูกจำนวน 1 ไร่ | |||
Comments