การทำเกษตรผสมผสาน


การทำเกษตรผสมผสาน
ป่าที่ได้ชื่ออุดมสมบูรณ์ คือ ป่าที่ประกอบไปด้วยพืช สัตว์ หลากหลายชนิดอยู่ร่วมกัน ด้วยต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยในป่าที่สมบูรณ์จะประกอบไปด้วยไม้หลากหลายระดับ ตั้งแต่ไม้สูงใหญ่ ไม้ระดับกลาง ไม้ระดับเตี้ย ไม้เลื้อย ไม้เรี่ยดิน จนถึงไม้หัวใต้ดิน สัตว์ได้อาศัยกินพืชเป็นอาหาร แล้วขับถ่ายออกมาเป็นปุ๋ยแก่ต้นไม้ ช่วยแพร่พันธุ์ให้แก่ต้นไม้ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย หลบซ่อนศัตรู หรือซุ่มซ่อนล่าเหยื่อ หมุนเวียนเป็นวัฎจักร
ดังนั้น เราจึงเลียนแบบธรรมชาติของป่ามาทำเป็นเกษตรผสมผสาน แต่ว่าเรามีการจัดการอย่างมีระบบมีแบบมีแผน โดยเลือกปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ที่ใช้เป็นประโยชน์ต่อเรา โดยปลูก เลี้ยง บำรุงรักษา จัดการด้วยองค์ความรู้ที่ถูกต้อง หาใช่ทำอย่างสะเปะสะปะ ไร้ระเบียบแบบแผนไม่
เมื่อเราจะเริ่มต้นทำเกษตรผสมผสาน สิ่งที่เราควรรู้คือ ในที่ดินของท่านมีสภาพภูมิศาสตร์อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นอากาศ แสงแดด ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ ลม ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อการเจริญเติบโต การออกดอกออกผล คุณภาพของผลผลิตของพืชที่ท่านปลูก เพราะพืชบางอย่างเหมาะที่จะปลูกกับพื้นที่หนึ่ง คือ ปลูกแล้วออกดอกออกผลดี ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ แต่พอไปปลูกอีกที่หนึ่งกับให้ผลผลิตไม่ดี ไม่มีคุณภาพ แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ซึ่งเกิดจากสภาพ ดิน ฟ้า อากาศ ที่แตกต่างกันนั่นเอง อย่างบางพื้นที่มีตาน้ำที่อยู่ลึกมาก ทำให้ขุดสระไม่เจอตาน้ำ อาจทำให้มีปัญหาในหน้าแล้งได้
เมื่อมีที่ดินแล้ว ควรวางแผนในการจัดการน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือตอนฝนทิ้งช่วง หากที่ดินของท่านไม่อยู่ในเขตพื้นที่ชลประทาน ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ คลอง หนอง บึง ท่านจำเป็นต้องสร้างแหล่งน้ำอย่างเช่น สระน้ำ บ่อบาดาล ไว้ใช้เอง แม้จะมีแหล่งน้ำธรรมชาติหรือมีคลองชลประทาน ก็ควรมีแหล่งกักเก็บน้ำไว้เป็นของตนเองไว้สำรองด้วย ยามหน้าแล้งน้ำจะระเหยประมาณวันละ 1 เซ็นติเมตร จึงควรตรวจสอบให้ดีว่าพื้นที่ของท่านในปีๆหนึ่งมีฝนตกโดยเฉลี่ยกี่วัน จะได้วางแผนกักเก็บน้ำได้พอใช้ยามแล้งได้อย่างเพียงพอ ( อ่านรายละเอียดได้ในโพสต์ " การกักเก็บน้ำ " )
เมื่อมั่นใจว่ามีแหล่งน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งเพียงพอแล้ว ก็มาเริ่มการวางแผนปลูกพืช หรือเลี้ยงสัตว์
อันดับแรก ขอให้ปลูกไว้สำหรับกินก่อน สำหรับมือใหม่ให้เน้นปลูกพืชที่ทนทาน ไม่ต้องดูแลรักษามาก ปลูกเพื่อเรียนรู้เรื่องโรค แมลง อายุการให้ผลผลิต การขยายพันธุ์ วิธีบำรุงรักษา ลักษณะนิสัยของพืชนั้นๆ เช่น ชอบแดดจัดหรือร่มรำไร ทนน้ำท่วมขังหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งเราจะปลูกพืชแบบ 3 ระยะ คือ
1. พืชระยะสั้น เน้นไว้มีกินทุกวัน เพื่อลดรายจ่าย เพราะคนเราต้องกินทุกวัน เหลือก็ขาย ไว้เป็นรายได้ประจำวัน เปรียบไปก็คือค่าแรงรายวัน ส่วนใหญ่เป็นพวกผัก มักเป็นพวกอายุสั้นหรืออายุไม่กี่ปี ใช้เวลาในการปลูกไม่นานก็ให้ผลผลิต ได้แก่ กะเพรา โหระพา พริก ตะไคร้ ชะอม ขิง ข่า กระชาย ขมิ้น แคบ้าน ผักบุ้งไทย กระเฉด ยี่หร่า เม็ดแมงลัก ใบบัวบก สะระแหน่ ผักชีลาว ผักชีฝรั่ง มะเขือเปาะ มะเขือพวง ตำลึง ฟัก น้ำเต้า ถั่วพู ชะพลู ใบพลู เตย
2. พืชระยะกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่เริ่มให้ผลผลิตเมื่อมีอายุ 1 ปี ขึ้นไป มีอายุหลายปี เช่น กระท้อน ขนุน กล้วย มะม่วง มะยงชิด มะนาว มะกรูด มะดัน มะกอกน้ำ ขี้เหล็ก สะเดา มะพร้าว ฝรั่ง หมาก น้อยหน่า มะละกอ มะยม มะเฟือง พืชพวกนี้เมื่อเริ่มให้ผลผลิตก็จะช่วยให้คืนทุน หากปลูกไว้หลากหลายจะช่วยทำให้มีรายได้เกือบทุกเดือน บางอย่างสร้างรายได้ประจำวันด้วย เปรียบไปเหมือนค่าแรงรายเดือน ไว้เก็บเป็นเงินออมได้
3. พืชระยะยาว พวกนี้คือไม้เศรษฐกิจยืนต้น กว่าจะให้ผลผลิตตอบแทนมักจะใช้เวลาหลายปี บางอย่างอาจหลายสิบปี ได้แก่ สัก พะยูง ยางนา ประดู่ เต็ง รัง ไม้แดง มะค่า พวกนี้เปรียบเหมือนเงินบำนาญไว้ใช้ยามบั้นปลายได้ เป็นมรดกให้ลูกหลานในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ควรปลูกพืชที่ใช้สอยด้านต่างๆ พืชบำรุงดิน เช่น กระถิน ทองหลาง ไผ่ ปอเทือง ถั่วพุ่ม ฯลฯ
ซึ่งพืชที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นพวกปลูกง่าย มีความทนทาน ใช้บริโภคหรือใช้สอยในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นพืชพื้นเมือง พวกผลไม้ ควรเลือกสายพันธุ์ดี ทำออกนอกฤดูกาลได้ เป็นที่นิยมของตลาด เพื่อเตรียมตัวเมื่อเราชำนาญจนพร้อมที่จะปลูกเพื่อจำหน่ายได้แล้ว
- เลี้ยงปลา ไก่ไข่ ไก่ เป็ด เอาไว้กินเนื้อ กินไข่ เอามูลมาทำเป็นปุ๋ย โดยทำหัวอาหารเองหรือเลี้ยงแบบธรรมชาติ เช่น ให้กินรำ เศษผัก ผลไม้ในสวน เศษอาหารที่เหลือ แม้แต่หอยเชอรี่เอามาบดผสมกับรำ เอาไปเลี้ยงเป็ด ไก่ ปลา หมูได้ จะทำให้สัตว์โตเร็วเพราะมีโปรตีนสูง ช่วยประหยัดต้นทุนได้
การปลูกพืชนั้นควรปลูกเป็นหมวดหมู่ เช่น แถว 1 ปลูกมะม่วง แถว 2 ปลูกมะนาว แถว 3 ปลูก มะยงชิด โดยควรคำนึงถึงนิสัยของต้นไม้ด้วย เช่น พวกชอบแดดจัด พวกชอบแดดรำไร พวกชอบร่ม พวกชอบน้ำ พวกไม่ทนน้ำขัง
ก่อนลงมือทำ เราอาจวาดผังลงในกระดาษก่อนก็ได้ เช่น จะปลูกบ้าน ขุดสระน้ำ ปลูกพืช พื้นที่นา ที่เลี้ยงสัตว์ ไว้ตรงไหน โดยวาดกำหนดไว้ในผังที่เราทำขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความสะดวกเวลาเราลงมือทำจริงๆได้มาก รวมถึงช่วยในการวางแผนการปลูกพืชให้เป็นหมวดหมู่ได้ง่ายยิ่งขึ้น เราควรวางผังกำหนดพื้นที่เผื่อปลูกพืชที่ต้องอาศัยความชำนาญ ต้องอาศัยการดูแลรักษาอย่างดี มีความยุ่งยากในการปลูกมากขึ้น มีศัตรู มีโรคมากไว้ด้วย เช่น ทุเรียน ชมพู่ ลองกอง ส้มโอ ส้มเขียวหวาน
พวกผักอย่าง คะน้า กะหล่ำปี ผักกาดขาว ผักชี เป็นต้น
สิ่งที่เราต้องระลึกไว้คือ พืชส่วนใหญ่ชอบความชุ่มชื้น ไม่ใช่แฉะ แฉะมากๆพืชบางอย่างมันจะตายได้เพราะรากมันเน่า ชอบอากาศเย็น จึงจะเจริญเติบโต ให้ผลผลิตได้ดี
ขอให้เราปลูกพืชง่ายๆพวกนี้ให้ชำนาญก่อน เรียนรู้กับมันให้ดี เอาให้เก่งจริง แล้วค่อยปลูกพืชที่ยากขึ้นไป จากนั้นจึงเริ่มมาหัดทำพวกออกนอกฤดูกาล ลองทำน้อยๆก่อน เมื่อทำได้จึงค่อยขยาย ทำเป็นขั้นเป็นตอน แต่ส่วนใหญ่จะข้ามขั้นมาทำนอกฤดูกาล ทั้งที่หลายคนไม่เคยปลูกต้นไม้ ไม่เคยทำเกษตร เห็นเขาทำได้เลยอยากทำ เห่อทำตามกระแส เขาบอกว่าทำแล้วจะรวยอย่างนั้นรวยอย่างนี้ เกิดความโลภ บางคนลาออกจากงานประจำออกมาทำ สุดท้ายคือเจ๊ง เพราะไม่ได้นึกว่าคนที่ทำสำเร็จมันมีกี่คน คนทำสำเร็จกับล้มเหลวใครมากกว่า ไอ้สื่อมันก็ออกแต่พวกสำเร็จ ซึ่งมีไม่กี่คน แต่ไอ้พวกล้มเหลวมันมีมากกว่ามันไม่เอามาออก บอกแต่ปลูกนั่นปลูกนี่รายได้เดือนละแสนต่อไร่ ไอ้นั่นเขาเกษตรตัวจริงเสียงจริง ทำมานาน ผ่านประสบการณ์มาเยอะ ล้มลุกคลุกคลานมาเท่าไหร่กว่าจะถึงวันนี้ได้ แล้วเราเป็นใครวะ ถึงเปรี้ยวเข้าไปทำโดยไม่วางแผน ไม่ศึกษาให้ดีก่อน ร้ายที่สุด สัตว์ก็ไม่เคยเลี้ยง ต้นไม้ก็ไม่เคยปลูก แต่ห้าวไปทำซะใหญ่โต สุดท้ายคือเจ๊ง นี่คือผลของการทำตามกระแส ท่องไว้ลูก " รวยช้าดีกว่าจนเร็วนะลูกนะ " ต้องทำจากน้อยๆจนชำนาญในพืชนั้นๆก่อน
การตลาด เรื่องการตลาดขอให้เอาตลาดใกล้พื้นที่ของเราเป็นหลักก่อน จะตลาดประจำจังหวัด ประจำอำเภอหรือตามตลาดนัดที่มีเยอะแยะ ดูพื้นที่เราสิว่ามีตลาดนัดใกล้ที่เรากี่แห่ง ตลาดประจำอำเภอ ตลาดประจำจังหวัด ใกล้ไกลแค่ไหน ไปเดินสำรวจตลาดดูว่าเขาขายอะไรกัน ไปทำความรู้จักกับพ่อค้าแม่ค้าเขาบ้าง หาข้อมูลไว้ ดูว่าจะขายส่งแม่ค้าหรือเราเอามาขายเองได้ เอาตลาดพวกนี้ก่อน อย่าพึ่งคิดไกลถึงตลาดระดับประเทศหรือตลาดส่งออกเลย อย่าเพิ่งไปวาดวิมานในอากาศขนาดนั้นเพียงเพราะดูจากที่สื่อเขานำเสนอมา เจ็บกันมาเยอะ แต่ไอ้พวกที่ขายพันธุ์ไม้ ขายพันธุ์สัตว์ที่ถูกปั่นกระแสขึ้นมาน่ะรวยเอาๆ แต่ไอ้พวกที่ไปเห่อตามกระแสน่ะเจ๊งเอาๆ ได้หนี้มาอีกต่างหาก ใจเย็นๆให้มันค่อยเป็นค่อยไป
- นอกจากทำนอกฤดูกาลแล้ว เราสามารถขายกิ่งพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะทำเกษตรต้องขยายพันธุ์พืชเป็น เอาแค่ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง ชำกิ่ง แยกหน่อ เพาะเมล็ดได้ก็นับว่าใช้ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นทุกอย่างได้ยิ่งดี ถ้าขยายพันธุ์พืชไม่เป็นก็อย่ามาทำเกษตรเลย ควรหัดแปรรูปผลผลิต เช่น การ กวน ดอง แช่อิ่ม ทำเป็นไวน์ ฯลฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ หรือ ยามผลผลิตตกต่ำ หรือ มีเหลือ ก็เอามาแปรรูปได้ ดีกว่าปล่อยเน่าเสียไป ไม่มีประโยชน์
เหตุแห่งการทำเกษตรล้มเหลวก็เพราะ ไม่มีความรู้จริงในพืชที่ตนปลูก สัตว์ที่ตนเลี้ยง ชอบทำตามกระแส มุ่งแต่จะทำขายอย่างเดียว ไม่ใส่ใจทำกิน ไม่วางแผนให้ดี ปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือปลูกพืชชนิดเดียว ซึ่งมีความเสี่ยงสูง แน่นอนยามราคาดีได้เงินก้อนใหญ่ แต่ยามราคาตกล้มทั้งยืนเหมือนกัน เพราะมีรายได้ทางเดียว พืชบางอย่างรายได้ปีละครั้ง แต่เรามีรายจ่ายทุกวัน การปลูกเชิงเดี่ยวดึงดูดศัตรูพืชได้มากขึ้น เพราะอาหารมันอุดมสมบูรณ์ มันจึงขยายพันธุ์เต็มที่ เพิ่มปริมาณศัตรูเข้าไปอีก พืชแต่ละชนิด ไม่ใช่ว่ามันจะมีศัตรูเหมือนกันหมด แมลง หนอน แต่ละชนิด ใช่ว่ามันจะกินพืชทุกชนิดเหมือนกันหมด มันก็กินอาหารต่างกัน สุดท้ายก็ใช้ยาฆ่าแมลง เพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก นานไปแมลงดื้อยา ไม่ตาย แต่คนฉีด คนกินตายแทน
แม้เราจะทำเกษตรผสมผสาน แต่เราอาจกำหนดพืชหลักไว้ชนิดใดชนิดหนึ่งหรือมากกว่านั้นก็ได้ โดยปลูกให้มากกว่าพืชชนิดอื่นๆ ส่วนใครที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยวก็ลองมาทำเกษตรผสมผสานได้ โดยแบ่งมาทดลองทำแปลงเล็กๆดูก่อน เอาพืชผักที่เรากินในชีวิตประจำวันนี่แหละ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่เอะอะๆก็ซื้อเขาลูกเดียว วันข้างหน้ามันอาจเป็นรายได้หลักก็ได้ แต่ถ้าบางคนบอกว่า ที่บ้านรวย รายได้ประดุจพิมพ์แบงก์ได้เอง ไม่จำเป็นต้องทำ ซื้อเขากินง่ายกว่า กรณีเป็นดังนี้ ก็เอาที่คุณมรึงสบายใจก็แล้วกัน เพจนี้ไม่บังอาจแนะนำเศรษฐี แต่เน้นคนที่มีรายได้น้อย ทุนจำกัด มีความสนใจจะทำจริง ส่วนผู้ที่บอกว่า พูดง่ายแต่ทำยาก ขี้เกียจทำ ดูแล้วยุ่งยาก ลำบาก เคยทำมาแบบนี้ ให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ทำไม่เป็น ถ้าเป็นดังนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่มีอะไรจะพูด แบบนี้ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้ลงมาเอง ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เชิญทำสิ่งที่คุณมรึงทำแล้วสบายใจนั่นแหละ
ดินดี น้ำดี มีชัยกว่าครึ่ง ดินไม่ดี น้ำไม่ดี ต้องแก้ไข
พันธุ์ดีจึงปลูก พันธุ์ไม่ดีอย่าปลูกเสียเวลา
วิชาดี มีความรู้ จัดการดี ใจพร้อม มีตลาด จึงสำเร็จได้ดังหมาย สุดท้ายรู้จักพอจึงมีสุข
ขอขอบคุณอาจารย์ ทอง ธรรมดา เจ้าของสวนเพชรพิมายผู้จุดประกายแนวคิดเกษตรสวนทาง ไม่ทำตามกระแส ขอขอบคุณนิตยสารเกษตรธรรมชาติที่ให้ข้อมูลดีๆ ภาพจากอินเตอร์เนต

Comments

Anonymous said…
bk8 : bk8 | vntopbet
bk8. This website uses cookies and technologies of third-party and third party vendors. They 바카라사이트 accept william hill third-party bk8 cookies and provide third-party and third-party

Popular posts from this blog

คำคมจาก หนังสร้างแรงบันดาลใจ: The Pursuit of Happyness